Abstract:
การวิจัยครั้งนี้ เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการตัดสินใจของผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในสถานศึกษาเอกชนระดับประถมศึกษา ในเขตอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษาของผู้ปกครอง และรายได้ เป็นการวิจัย เชิงสำรวจกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ปกครอง จำนวน 248 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ คือ แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ค่าความเชื่อมั่นตามวิธีของ เท่ากับ 0.95 สถิติที่ใช้ ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ttest Ftest และทดสอบรายคู่โดยวิธีของเชฟเฟ
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผู้ปกครองที่เป็นกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 125 คน คิดเป็นร้อยละ 50.40 อายุ 30 40 ปี คิดเป็นร้อยละ 50.40 ระดับการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 3, 6 และ ปวช. จำนวน 95 คน คิดเป็นร้อยละ 38.31 อาชีพรับจ้าง จำนวน 101 คน คิดเป็นร้อยละ 40.73 รายได้รวมของครอบครัวต่อเดือน 10,001 ถึง 20,000 บาท จำนวน 97 คน คิดเป็นร้อยละ 39.11
2. การตัดสินใจของผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในสถานศึกษาเอกชนในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านคุณภาพการจัดการเรียน การสอนมีน้ำหนักการตัดสินใจ เป็นอันดับหนึ่ง รองลงมา คือ ด้านการจัดอาคารเรียนและ
สภาพแวดล้อม ด้านการอำนวยความสะดวกและการบริการ ด้านค่าธรรมเนียมการเรียน และ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครองและชุมชนเป็นอันดับสุดท้าย
3. การเปรียบเทียบการตัดสินใจของผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในสถานศึกษาเอกชน จำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษาของผู้ปกครอง อาชีพ และรายได้ พบว่า การตัดสินใจของผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในสถานศึกษาเอกชนระดับประถมศึกษา ในเขตอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้โดยภาพรวมและรายด้านทุกด้านไม่แตกต่างกัน This research aimed to study and to compare parents decision to enroll their children in private primary schools in Pranburi District, Prachuap Khiri Khan Province. It was classified by parents background, namely, gender, age, education level, occupation and income. It was a survey research, conducted among 248 parents. The instrument used for data collection was a questionnaire developed by the researcher. The reliability of the questionnaire was 0.95. The statistics used for data analysis were percentage, mean, standard deviation, t-test, F-test, and Scheffe matched pair comparison.
The research found that:
1. Most of the samples, 125 participating parents or 50.4% were male, aged between 30-40 years old at 50.4%. Ninety five or 38.31% of those parents finished Mathayom 3, 6 and Vocational Certificate, and 101 or 40.73% of them worked for hire. Out of all, 97 parents or 39.11% had 10,001-20,000 Baht family monthly income.
2. As a whole, parents decision to enroll their children in private primary schools was at high level. When considering by aspects, it was found that the aspect of teaching-learning management quality came first, followed by the aspects of buildings management, environment, facilitation and service, and study fee.
Additionally, the aspect of relationship among schools, parents, and community came last.
3. The comparison of parents decision to enroll their children in private primary schools, classified by gender, age, education level, occupation and income found that, as a whole there was no difference in all aspects