ความสนใจในการอ่านและการใช้ห้องสมุดเพื่อการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนที่เป็นที่ตั้งสำนักงานกลุ่มโรงเรียน สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสมุทรปราการ

Reading interest and library usage of the prathom suksa five students in school cluster center under the office of samut-pakan provincial primary education

Name: บังอร พรรณศุขศรี

Organization : มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะศึกษาศาสตร์.

ThaSH: ความสนใจในการอ่าน.

ThaSH: การอ่านขั้นประถมศึกษา.

ThaSH: ห้องสมุด - - วิธีใช้

ThaSH: หนังสือและการอ่านหนังสือของเด็ก.

Classification :.DDC: 028

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาความสนใจในการอ่านและการใช้ห้องสมุดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนที่เป็นที่ตั้งสำนักงานกลุ่มโรงเรียน สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสมุทรปราการ จำแนกตามเขตที่ตั้งของสำนักงานกลุ่มโรงเรียน โดยศึกษาความสนใจในการอ่านทั่วไป ความสนใจในการอ่านหนังสือลักษณะต่าง ๆ 16 ลักษณะ สภาพการใช้ห้องสมุด 4 ด้าน คือ ด้านการใช้วัสดุสิ่งพิมพ์ การบริหาร กิจกรรม-บริการ และด้านอาคารสถานที่ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนที่เป็นที่ตั้งสำนักงานกลุ่มโรงเรียน สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 361 คน เป็นนักเรียนในโรงเรียนที่ตั้งในเขตเมือง จำนวน 210 คน นอกเขตเมือง จำนวน 151 คน เครืองมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามชนิดแบบสำรวจ ใช้สอบถามความสนใจในการอ่านโดยทั่วไป และสภาพการใช้ห้องสมุดของนักเรียน แบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่าใช้สอบถามความสนใจในการอ่านหนังสือ 16 ลักษณะ และปัญหาการใช้ห้องสมุดของนักเรียนสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบนัยสำคัญโดยอาศัยการแจกแจงของที่ (t-test) การวิจัยปรากฎผลดังนี้ 1. ความสนใจในการอ่านโดยทั่วไปของนักเรียนส่วนมากพบว่า นักเรียนสนใจอ่านหนังสือประเภทบันเทิงคดีมากที่สุด จุดประสงค์ในการอ่านคือ เพื่อศึกษาค้นคว้าในสิ่งที่ต้องการรู้เกี่ยวกับตนเอง วิธีการจัดหาหนังสือหรือสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ มา อ่านของนักเรียน คือ ของยืมจากห้องสมุด สถานที่ที่นักเรียนชอบใช้เป็นที่อ่านหนังสือ คือ ห้องสมุด นักเรียนจะเลือกอ่านหนังสือหรือสิ่งพิมพ์ตามความสนใจของตนเอง สาเหตุที่ทำให้นักเรียนสนใจอ่านหนังสือหรือสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ คือ มีหนังสือที่น่าสนใจมากในห้องสมุด สาเหตุที่ทำให้นักเรียนไม่อยากอ่านหนังสือหรือสิ่งพิมพ์ คือ ไม่มีเวลาเพราะต้องช่วยทำงานบ้าน ช่วงเวลาที่นักเรียนใช้เพื่อการอ่านในแต่ละวัน คือ ประมาณ 15-30 นาที และนักเรียนจะอ่านหนังสือที่ไม่ใช่แบบเรียนเฉลี่ยเดือนละมากกว่า 5 เล่ม 2. ความสนใจในการอ่านที่มีต่อหนังสือ 16 ลักษณะ พบว่านักเรียนมีความสนใจในการอ่านหนังสือทั้ง 16 ลักาณะ ในระดับปานกลาง สนใจอ่านหนังสือเรื่องประเภทวรรณคดีเป็นอันดับแรก และสนใจอ่านหนังสือเรื่องเกี่ยวกับการเมืองเป็นอันดับสุดท้าย เมื่อเปรียบเทียบความสนใจในการอ่านที่มีต่อหนังสือ 16 ลักษณะ พบว่า นักเรียนในโรงเรียนที่ตั้งในเขตเมืองกับนักเรียนในโรงเรียนที่ตั้งนอกเขตเมือง มีความสนใจในการอ่านแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ จากการเปรียบเทียบเป็นรายลักษณะ พบว่า นักเรียนในโรงเรียนที่ตั้งในเขตเมืองและนอกเขตเมือง มีความสนใจในการอ่านหนังสือตำรา และหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .053. สภาพการใช้ห้องสมุดของนักเรียนส่วนมากพบว่า นักเรียนจะมีจุดประสงค์ในการเข้าใช้ห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือที่ในใจไปอ่านในเวลาว่าง ช่วงเวลาที่นักเรียนเข้าใช้ห้องสมุด คือ พักกลางวัน วิธีค้นหาหนังสือในห้องสมุดของนักเรียน คือ ถามจากบรรณารักษ์หรือเจ้าหน้าที่ห้องสมุด นักเรียนใช้บริการยืม-คืนหนังสือมากเป็นอันดับแรก กิจกรรมที่นักเรียนเข้าร่วมมากที่สุดคือ แข่งขันตอบปัญหาสาเหตุที่นักเรียนไม่ชอบเข้าห้องสมุด คือ ห้องสมดมีเสียงรบกวน ความถี่ในการเข้าใช้ห้องสมุดของนักเรียนเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ คือ วันเว้นวัน หรือทุก 2 วัน ระยะเวลาในการเข้าใช้ห้องสมุดของนักเรียนแต่ละครั้ง คือ ประมาณ 30-60 นาที4. ปัญหาการใช้ห้องสมุดของนักเรียน พบว่า นักเรียนมีปัญหาการใช้ห้องสมุดด้านวัสดุสิ่งพิมพ์ การบริหาร กิจกรรม-บริการ และด้านอาคารสถานที่ในระดับน้อย เมื่อเปรียบเทียบปัญหาการใช้ห้องสมุด พบว่า นักเรียนในโรงเรียนที่ตั้งในเขตเมืองกับนักเรียนในโรงเรียนที่ตั้งนอกเขตเมืองมีปัญหาการใช้ห้องสมุดทั้ง 4 ด้าน แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า นักเรียนมีปัญหาการใช้หนังสืออ้างอิง หนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร และปัญหาเกี่ยวกับจำนวนโต๊ะ เก้าอี้ สำหรับนั่งอ่านหนังสือ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

Abstract: The purpose of this research was to study and to compare the reading interest and library usage of the prathom suksa five students in school cluster center under the office of Samut-pakan Provincial Primary Education as classified by zones of school cluster center. to find out reading interest in sixteen book aspects and in general. Problems of library usage were divided into 4 areas. namely, library building or library room, library services, management, printed materials, and study library usage status. The sample was 361 students of the prathom suksa five in school cluster center under the office of Samut-pakan Provincial Primary Education, 210 students from sanitation or municipal area, and 151 students from outside of the sanitation or municipal area.The instruments used in collecting the data were a set of questionnaire on reading interest and a set on library usage. The questionnaires were composed of rating scales and intentory.Percentage, mean, standard deveation, and t-test were employed in the data analysis. The results of the research were :1. As for the general interest in reading, they were interested in fiction. The main purpose for reading was to gain knowledge about themselves. The major mean for acquiring reading materials was borrowing from the library. The place for reading was the school library. Their selection depended primarily on their interests. The motivations for their reading were that there were many interesting books in the school library. The reasons for the majority of students who did not read were that they had no free time because they were too busy at home. They spent about 15-30 minutes a day for reading, and read 5 non-textbooks a month on the average.2. Reading interest in sixteen book aspects was at middle level, literature being the first, and politics was the last. In general, there was no significant difference between reading interest of students from different school zones. Specifically, however, reading interests in text-boods and science books of the two groups of students were significantly different at 0.05 level.3. Status for usage of the library, they study showed that the main purpose for using the library was to borrow interesting books to reas when they had free time. The majority of the students used the library at noon-recess. The way to look for books of interest was to ask from school librarians. Quiz was the activity that they would like to participate. Those who did not use the library because it was too noisy. Most of the students used the library every other day a week for 30-60 minutes at a time.4. As for the library usage porblems of students, the study showed that most of the students had library usage problems at low level in 4 areas studied. In general, there were no statistically significant difference between problems of library of students from different school zones. Specifically, however, significant difference of the 0.05 level was found in the aspects of the use of text-books, newspapers, magazines and journals, and the amount of table and chair.

มหาวิทยาลัยบูรพา. สำนักหอสมุด.

Address: ชลบุรี (Chonburi)

Email: buulibrary@buu.ac.th

Name: จิรา จันทร์กระจ่าง

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: เฉลิมวงศ์ วัจนสุนทร

Role: กรรมการ

Created: 2535

Issued: 2548-07-28

Modified: 2549-09-18

วิทยานิพนธ์/Thesis

CallNumber: 028.55บ248ค

tha

ไทย (ภาคกลาง)

สมุทรปราการ

DegreeName: การศึกษามหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การประถมศึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยบูรพา

©copyrights มหาวิทยาลัยบูรพา

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	title.pdf	397.81 KB	71	2020-12-21 17:34:17
2	chapter1.pdf	379.03 KB	84	2024-11-06 10:47:06
3	chapter2.pdf	2.67 MB	88	2024-11-06 10:47:21
4	chapter3.pdf	265.47 KB	58	2020-02-13 16:30:57
5	chapter4.pdf	874.67 KB	60	2019-10-06 15:24:53
6	chapter5.pdf	2.22 MB	80	2020-02-13 16:15:28
7	bibliography.pdf	511.71 KB	47	2019-10-06 15:25:07
8	appendix.pdf	490.94 KB	59	2020-01-18 16:52:22

ใช้เวลา

0.060658 วินาที